หัวใจของการนำหลักสูตรสู่การปฏิบัติ
กรอบทิศทางในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาหรือกล่าวโดยความเข้าใจทั่วไปคือ
กรอบทิศทางในการจัดหลักสูตรของโรงเรียน ซึ่งหมายถึง
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
ที่กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้ทุกโรงเรียนทั่วประเทศในปีการศึกษา 2553
หลักสูตรนี้ เป็นหลักสูตรที่ใช้แนวคิดหลักสูตรอิงมาตรฐาน
เป็นหลักสูตรที่กำหนดมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน
ดังนั้นการดำเนินการทุกขั้นตอนของการนำหลักสูตรไปใช้จะต้องยึดหลักการบริหารจัดการที่อิงมาตรฐาน
การวัดและประเมินผลต้องสะท้อนมาตรฐาน การจัดการเรียนรู้โดยมาตรฐานเป็นเป้าหมาย
การจัดการเรียนรู้เป็นกระบวนการที่สำคัญในการนำหลักสูตรสู่การปฏิบัติเพื่อการพัฒนาให้ผู้เรียนมีความรู้
ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด
เมื่อผู้เรียนได้รับการพัฒนาและมีคุณภาพตามตัวชีวัดทั้งหมด
ในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้แล้ว ผู้เรียนย่อมเกิดสมรรถนะสำคัญตามหลักสูตรที่กำหนด 5
ประการ คือ
1.
ความสามารถในการสื่อสาร
2.
ความสามารถในการคิด
3.
ความสามารถในการแก้ปัญหา
4.
ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
5.
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
ความสามารถหรือสมรรถนะสำคัญของผู้เรียนทั้ง
5 ประการ ได้ถูกกำหนดเป็นลักษณะของสิ่งที่ผู้เรียนพึงรู้และปฏิบัติได้ในแต่ละตัวชี้วัดในกลุ่มสาระต่าง
ๆ ของหลักสูตรแกนกลางฯ แล้ว
การออกแบบโครงสร้างรายวิชาและหน่วยการเรียนรู้
การออกแบบโครงสร้างรายวิชาและหน่วยการเรียนรู้
ตามแบบฟอร์ม ควรวิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัดทุกตัวในรายวิชาให้ชัดเจน
ดังนี้
1.
คำสำคัญในตัวชี้วัด ตัวชี้วัดจะระบุสิ่งที่นักเรียนควรรู้ และควรปฏิบัติ
ซึ่งส่วนใหญ่จะบ่งบอกเกี่ยวกับด้านความรู้ และทักษะ/กระบวนการ
สำหรับคุณลักษณะ/เจตคติบางตัวไม่ได้ระบุไว้ จึงควรพิจารณาว่า
มีตัวบ่งชี้คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ข้อใดหรือไม่ที่สอดคล้องกับการนำมาพัฒนา
หากไม่มีข้อใดที่เหมาะสมไม่จำเป็นต้องใส่
2.
หลักฐานการเรียนรู้
จากคำสำคัญมาพิจารณาว่าร่องรอยหลักฐานอะไรที่จะบอกได้ว่ามีคุณภาพตามที่ตัวชี้วัดกำหนด
ซึ่งอาจจะเป็นชื้นงานหรือภาระงาน เช่น คำสำคัญ คือ การออกเสียงหลักฐานการเรียนรู้อาจจะเป็นภาระงานให้อ่านออกเสียงจากเรียงที่สนใจ
3.
แนวทางการประเมินหรือกิจกรรมการประเมิน
กำหนดให้ชัดลงไปว่าจะจัดกิจกรรมอย่างไร
เพื่อผู้เรียนได้ทำภาระงานหรือชิ้นงานนั้น เช่น
ภาระงานให้อ่านออกเสียงจากเรื่องที่นักเรียนสนใจ แนวทางการประเมินอาจเป็นนักเรียนออกมาอ่านออกเสียงหน้าชั้นเรียน
หรือจับกลุ่มสลับกันอ่านออกเสียง
4.
วิธีการประเมิน ซึ่งรวมทั้งวิธีการและเครื่องมือ
จำเป็นต้องสอดคล้องกับหลักฐานการเรียนรู้และแนวทางการประเมินหรือกิจกรรมการประเมิน
จากตัวอย่างข้างต้นวิธีการประเมินควรเป็นการสังเกตการออกเสียงและเครื่องมือประเมินควรเป็นแบบสังเกต
ในหน่วยการเรียนรู้แบบอิงมาตรฐานจะประกอบไปด้วยกิจกรรม
3 ประเภท ได้แก่
1.
กิจกรรมนำเข้าสู้การเรียน (Introductory activities) เป็นกิจกรรมเริ่มต้นช่วยให้ผู้เรียนเกิดความสนใจอยากร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอนที่จะดำเนินขั้นต่อไปในหน่วยการเรียนรู้นั้น
2.
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (Enabling activities) เป็นกิจกรรมช่วยเสริมสร้างให้ผู้เรียน
เรียนรู้ด้านความรู้และทักษะ
เป็นกิจกรรมในขั้นตอนสุดท้ายที่ให้ผู้เรียนทำชิ้นงานหรือภาระงาน
ครูมีบทบาทสำคัญ
ครูผู้สอนเป็นบุคคลสำคัญที่สุดที่ส่งผลให้จัดการเรียนรู้ตามหลักสูตร
บรรลุตามวัตถุประสงค์
เพื่อให้การจัดการเรียนรู้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
ครูผู้สอนควรได้ดำเนินการพัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยยึดหลักการสำคัญ ดังนี้
1.
ครูต้องศึกษา ทำความเข้าใจเอกสารหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช
2551
2.
ครูต้องจัดทำหน่วยการเรียนรู้ โดยเน้นความสำเร็จตามมาตรฐานการเรียนรู้
และตังชี้วัดของหลักสูตร
3.
ครูควรมีข้อมูลมาใช้ในการออกแบบการเรียนรู้ที่ตอบสนองความต้องการของผู้เรียน
4.
ครูต้องจัดบรรยากาศและสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการเรียนรู้
5.
ครูต้องจัดเตรียมและใช้สื่อการเรียนรู้ที่หลากหลาย
เหมาะสมกับการเรียนรู้ของผู้เรียน
6.
ครูต้องจัดให้มีการวัดประเมินผลด้วยวิธีที่หลากหลาย
โดยเน้นการประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริงเป็นสำคัญ
7. ครูต้องนำผลการประเมินผู้เรียนมาใช้ซ่อมเสริม
เพื่อพัฒนาผู้เรียน
8.
ครูต้องใช้กระบวนการวิจัยในชั้นเรียนเพื่อพัฒนา
อย่างไรก็ตาม
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของครูผู้สอนจะบรรลุผลได้ดี
เพียงใดขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ อีกหลายประการ เช่น ความรัก และศรัทธาในวิชาชีพครู
การแสวงหาความรู้ การใช้หลักจิตวิทยา การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ให้เป็นไปด้วยกัลยาณมิตร
ทั้งหมดคือความมีจิตวิญญาณของความเป็นครู
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น